ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.จรัส คุ้มไข่น้ำ นำชาวบ้าน 2 กรณีใหญ่ร้อง กมธ.กฎหมายฯ ขอความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ณ รัฐสภา นายสุวรรณ บัวโรย ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ส.ส.จรัส คุ้มไข่น้ำ พร้อมตัวแทนประชาชน นำผู้ได้รับความเดือดร้อน 2 กรณี เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอความเป็นธรรมและตรวจสอบการปฏิบัติที่อาจละเมิดสิทธิประชาชน
กรณีที่ 1 : จากผู้ลงทุนสู่จำเลยคดีเงินกู้นอกระบบ
นายปิยะพงษ์ เจือจ้อย ชาวจังหวัดนครนายก พร้อมครอบครัว 4 ชีวิต เดินทางเข้ายื่นเรื่องร้องเรียน หลังถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหา “ปล่อยเงินกู้นอกระบบ” ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเพียงผู้ร่วมลงทุนในธุรกิจขนส่งสินค้า
จุดเริ่มต้นจากการถูกชักชวนให้ลงทุน โดยใช้เงินชดเชยจากการเสียชีวิตของบุตรสาว รวมทั้งนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ รวมกว่า 400,000–500,000 บาท
ต่อมาคู่สัญญากลับนำ “สัญญากู้ยืมเงิน” ที่จัดทำไว้ไปใช้เป็นหลักฐานร้องเรียนต่อรัฐ ทำให้เขาถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีอาญา
ศาลจังหวัดปราจีนบุรีได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 กันยายน 2568 ซึ่งสร้างความกดดันแก่ครอบครัวผู้ร้อง
นายปิยะพงษ์ร้องต่อ กมธ.ฯ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์คดี เพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริสุทธิ์ที่แท้จริงแล้วเป็นผู้เสียหาย
กรณีที่ 2 : ชาวคอนโดลาดพร้าวถูกขู่ขับไล่-ตัดน้ำตัดไฟ
ตัวแทนผู้พักอาศัยคอนโดมิเนียมย่านลาดพร้าวจำนวน 40 ครอบครัว เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ กมธ.กฎหมายฯ หลังถูกข่มขู่จากบุคคลภายนอกที่อ้างสิทธิในที่พัก โดยใช้ “หมายบังคับคดี” มาเป็นเครื่องมือกดดันให้ย้ายออก
การข่มขู่มีทั้งในรูปแบบประกาศและข้อความในกลุ่มไลน์ โดยระบุว่าหากไม่ย้ายออก จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มและอาจถูกตัดน้ำตัดไฟ
ก่อนหน้านี้ ผู้พักอาศัยได้พยายามดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ทั้งยื่นคำร้องศาลแพ่ง ขอคุ้มครองชั่วคราว, ยื่นร้องเรียนต่อ ปปง., กรมบังคับคดี และกรมธนารักษ์ รวมถึงแนบหลักฐานการเช่าและการข่มขู่ แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน
จึงรวมตัวร้องต่อ กมธ.รัฐสภาให้เข้ามาตรวจสอบและคุ้มครองสิทธิของผู้พักอาศัยสุจริต พร้อมเสนอให้เปิดช่องทางทำสัญญาเช่าอย่างถูกต้องกับหน่วยงานของรัฐ
🗣️ บทบาทผู้แทนประชาชน
นายสุวรรณ บัวโรย กล่าวถึงการนำชาวบ้านทั้งสองกรณีเข้าร้องเรียนว่า เป็นการใช้ช่องทางรัฐสภาเพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนที่ถูกเอาเปรียบและได้รับความเดือดร้อนอย่างไม่เป็นธรรม
> “ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านที่ถูกหลอกลงทุนจนกลายเป็นจำเลยคดี หรือผู้พักอาศัยที่ถูกขู่ตัดน้ำตัดไฟ สิ่งเหล่านี้คือการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐสภาต้องตรวจสอบ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน
กรณีร้องเรียนทั้ง 2 เรื่องในวันนี้ ถือเป็นตัวอย่างสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่ากลไกรัฐสภาและคณะกรรมาธิการจะสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้เพียงใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น